ธุรกิจถ่านหิน

     บริษัทฯ ประกอบธุรกิจการผลิตและจัดจำหน่ายถ่านหินเป็นธุรกิจหลักทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยมีฐานการผลิตและจัดจำหน่ายถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจบริการการขนส่งทางทะเลในประเทศสิงคโปร์เพื่อรองรับและจัดการการขนส่งถ่านหินมายังประเทศไทยและต่างประเทศ

ลักษณะของถ่านหิน
     ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงธรรมชาติชนิดหนึ่งประกอบด้วยสารที่ระเหยได้ชนิดต่างๆ ความชื้นและแร่ธาตุที่สำคัญคือ คาร์บอน (CARBON) ซึ่งเป็นส่วนที่จะเผาไหม้ได้ เมื่อสารระเหยและความชื้นถูกขับไล่ออกไปจะมีขี้เถ้าจำนวนเล็กน้อยเหลืออยู่หลังจากเผาไหม้แล้ว ถ่านหินสามารถจัดแบ่งตามคุณภาพโดยพิจารณาค่าความร้อน (CALORIFIC VALUE) ปริมาณสารระเหย (VOLATILE MATTER) และปริมาณคาร์บอนคงที่ (FIXED CARBON) เรียงลำดับจากคุณภาพที่ดีที่สุดได้ 4 กลุ่มคือ (1) ANTHRACITE, (2) BITUMINOUS, (3) SUB-BITUMINOUS และ (4) LIGNITE สำหรับถ่านหินที่สำรวจพบ และพัฒนาขึ้นมาใช้ในอุตสาหกรรมอย่างแพร่หลายในประเทศไทยจะเป็นประเภทถ่านลิกไนต์ ส่วนถ่านหินที่นำเข้าจากต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นประเภท BITUMINOUS ซึ่งมีค่าความร้อนสูงกว่าถ่านลิกไนต์ที่ผลิตในประเทศ
     คุณสมบัติถ่านหินที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการกำหนดราคาซื้อขายโดยปกติจะประกอบด้วยค่าความร้อน (CALORIFIC VALUE) ปริมาณความชื้น (MOISTURE) ปริมาณสารระเหย (VOLATILE MATTER) ปริมาณคาร์บอนคงที่ (FIXED CARBON) ปริมาณขี้เถ้า (ASH) ปริมาณกำมะถัน (SULPHUR) และขนาดของก้อนแร่ (SIZE) ที่ผลิตออกจำหน่าย

การผลิตถ่านหิน
     ถ่านหินเกิดจากการสะสมตัวของซากพืชที่ทับถมอยู่ในหนอง คลอง บึงเป็นเวลานานนับล้านปี และค่อยๆ จมตัวลงใต้ผิวดินจนซากพืชกลายสภาพมาเป็นถ่านหิน โดยผลของการเปลี่ยนแปลงของผิวโลก และขบวนการตามธรรมชาติในช่วงหลายล้านปีที่ผ่านมา ดังนั้นการที่จะนำถ่านหินขึ้นมาใช้จึงต้องมีการสำรวจค้นหาโดยการศึกษาข้อมูลทางธรณีวิทยาใต้ผิวดิน เพื่อให้ทราบถึงความหนาของชั้นถ่านหิน ขอบเขตพื้นที่การกระจายตัวของแหล่งถ่านหิน คุณภาพทางเคมี และปริมาณสำรองในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเพื่อพัฒนาแหล่งถ่านหินดังกล่าวต่อไป ดังนั้นการผลิตถ่านหินจึงแบ่งออกได้เป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ ดังนี้

(1) การสำรวจ : เริ่มตั้งแต่การศึกษาข้อมูลธรณีวิทยาผิวดินและโครงสร้างทางธรณีวิทยาเพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายในเบื้องต้นแล้วทำการเจาะสำรวจ (SCOUT DRILLING) เพื่อศึกษาการสะสมตัวของชั้นดิน หินและโครงสร้างทางธรณีวิทยาของพื้นที่เพื่อให้แน่ใจว่ามีถ่านหินสะสมตัวอยู่ รวมทั้งประเมินคุณภาพและปริมาณสำรองของถ่านหินในเชิงพาณิชย์ประกอบการตัดสินใจที่จะพัฒนาแหล่งถ่านหินดังกล่าวเพื่อเปิดการทำเหมืองต่อไป

(2) การทำเหมือง : ก่อนจะเปิดการทำเหมืองจำเป็นต้องทำการเจาะสำรวจในขั้นละเอียด (DETAIL DRILLING) เพื่อหาข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ของพื้นที่ ได้แก่ ปริมาณสำรองและคุณภาพในแต่ละระดับของการวางตัวของชั้นถ่านหินรวมทั้งชั้นดินที่ปิดทับอยู่ ข้อมูลที่ได้จะถูกนำมาใช้ในการกำหนดแผนแม่บทในการทำเหมือง (MINE MASTER PLAN) ซึ่งจะรวมถึงการศึกษาต้นทุนและวิธีการเปิดเหมืองตลอดจนศึกษาปริมาณและบริเวณที่จะขุดขนส่งหน้าดินหรือถ่านหินในแต่ละขั้นตอนและการเลือกเครื่องจักรเครื่องมือที่เหมาะสมกับการทำเหมืองด้วย

(3) การแต่งแร่ : ถ่านหินที่ขุดได้จากการทำเหมืองจะต้องผ่านการแต่งแร่เพื่อให้ได้ถ่านหินที่มีคุณภาพตรงตามความต้องการของผู้ใช้หรือลูกค้า ซึ่งมีขั้นตอนตั้งแต่บด ย่อย คัดขนาด รวมทั้งคัดสิ่งเจือปนออก โดยการร่อน และล้างเป็นต้น

การกำหนดราคาถ่านหิน
     ราคาขายถ่านหินจะกำหนดตามค่าความร้อนเป็นหลักเช่นเดียวกับการกำหนดราคาขายเชื้อเพลิงชนิดอื่น ราคาขาย ถ่านหินสำหรับลูกค้าแต่ละรายจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ คือปริมาณที่สั่งซื้อ ข้อกำหนดด้านคุณภาพ เช่น ค่าความร้อน ระยะเวลาชำระเงินและเงื่อนไขอื่นที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นตัวกำหนดราคาขายถ่านหินสำหรับลูกค้าทุกรายโดยเสมอภาคกัน การกำหนดราคาขายถ่านหินที่นำเข้าจากต่างประเทศขึ้นอยู่กับการตกลงของลูกค้าแต่ละรายซึ่งอาจจะเป็นราคา FOB หรือ CIF หรือราคาส่งถึงโรงงานของผู้ซื้อ เป็นต้น

การจัดจำหน่าย
     วิธีการจัดจำหน่ายถ่านหินในประเทศจะจำหน่ายให้กับลูกค้าหรือผู้ใช้โดยตรงโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ส่วนการขายถ่านหินในต่างประเทศจะจำหน่ายให้ลูกค้าหรือผู้ใช้โดยตรงและขายผ่านพ่อค้าคนกลางด้วย ส่วนใหญ่จะขายเป็นเงินเชื่อซึ่งบริษัทฯ จะพิจารณาให้เครดิตเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่มีการซื้อขายกันมานานหลายปีและมีฐานะการเงินมั่นคงเท่านั้น ส่วนลูกค้าที่เพิ่งจะเริ่มทำการซื้อขายกันครั้งแรก บริษัทฯ จะให้ลูกค้าเปิด LETTER OF CREDIT (L/C) ซึ่งตั้งแต่เปิดกิจการในปี 2528 จนถึงปัจจุบันบริษัทฯ มีปัญหาหนี้สูญจากการจำหน่ายถ่านหินน้อยมาก

กลยุทธ์ในการแข่งขัน
     บริษัทฯ จะเน้นการให้บริการและการควบคุมคุณภาพถ่านหินเป็นกลยุทธ์หลักในการแข่งขันแทนการใช้กลยุทธ์ด้านราคา นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้พัฒนาวิธีการผลิตถ่านหินให้ได้คุณภาพดี โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาพัฒนาระบบการผลิตถ่านหินอย่างสม่ำเสมอ

ภาวการณ์แข่งขัน
     ธุรกิจการจำหน่ายถ่านหินในประเทศเป็นธุรกิจที่มีผู้ประกอบการน้อยราย (OLIGOPOLY MARKET) โดยมีลูกค้าที่เป็นกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และขนาดเล็กโดยมีคู่แข่งขันที่สำคัญคือบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้บริษัทฯ มีเหมืองถ่านหินที่มีคุณภาพสูงเป็นของตนเองและยังมีปริมาณสำรองในเชิงพาณิชย์อีกหลายปี จึงมีจุดแข็งและศักยภาพในการแข่งขันที่ดี

แนวโน้มอุตสาหกรรม

     สืบเนื่องจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครนตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 ส่งผลกระทบต่อตลาดถ่านหินโดยรวม โดยดัชนีราคาถ่านหิน Newcastle Index (NEWC) ได้ปรับขึ้นสูงสุดถึงระดับ 434.02 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อเมตริกตันในช่วงเดือนกันยายนในปี 2565 แต่หลังจากนั้นตลาดถ่านหินได้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปีดังกล่าวและเข้าสู่ปี 2566 โดยดัชนีราคาถ่านหิน NEWC ได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 357.75 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อเมตริกตันในช่วงเดือนมกราคม 2566 และลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 129.15 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อเมตริกตันในช่วงเดือนมิถุนายน 2566 โดยในครึ่งปีหลังของปี 2566 ระดับราคาถ่านหิน NEWC ได้ปรับขึ้นลงอยู่ในช่วงระหว่างประมาณ 160 ถึง 120 ดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาต่อเมตริกตันจนถึงสิ้นปี 2023

     สำหรับแนวโน้มตลาดถ่านหินในปี 2567 ยังเป็นช่วงที่มีอิทธิพลของการปรับสมดุลใหม่ถึงแม้ว่าตลาดถ่านหินจะลดความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน แต่ยังมีการเพิ่มระดับความระมัดระวังต่อเหตุการณ์ความตึงเครียดอันอาจจะเกิดขึ้นในภูมิภาคอื่นได้ อาทิ กรณีสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางที่มีชนวนเหตุมาจากประเทศอิสราเอลกับปาเลสไตน์หรือกรณีที่ชาติมหาอำนาจต่างๆ ออกมาตรการตอบโต้กันจากนโยบายทางการเมือง การสร้างศูนย์อำนาจ การปรับเปลี่ยนหรือโต้ตอบมาตรการทางเศรษฐกิจ การค้า ธุรกิจและการลงทุน รวมถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะถดถอยของหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก เช่นประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ประเทศในทวีปยุโรปและญี่ปุ่น เป็นต้น อันจะส่งผลกระทบที่สำคัญต่ออุปสงค์และอุปทานของสินค้าต่างๆ ในตลาดโลกได้

     ส่วนการร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตสภาวะโลกร้อน โดยในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 หรือ COP 28 เมื่อปลายปี 2566 ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลายประเทศได้ขอผ่อนปรนเพื่อปรับปรุงการกำหนดเวลาสำหรับเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกและการจำกัดอุณหภูมิโลก โดยขอให้ยืดออกไปจากกรอบเวลาเป้าหมายเดิมเพื่อให้การปรับตัวที่จะไม่ส่งผลกระทบมากเกินไปต่อการลงทุนด้านพลังงานทางเลือก การรักษาระดับต้นทุนการผลิตสินค้าและบริการ รวมถึงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างเป็นระบบที่เป็นธรรมและเท่าเทียม โดยคำนึงถึงความพร้อมทางพื้นฐานทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของแต่ละประเทศที่ไม่เหมือนกัน

     ด้านการประเมินการใช้ถ่านหินของโลกจากบทวิเคราะห์ของ International Energy Agency (IEA) มองว่าในช่วงต่อไปอีก 10 ปีข้างหน้าการใช้พลังงานโดยรวมยังเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและถ่านหินยังเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป โดยมีภาวะอุปสงค์หรือความต้องการที่สูง ขณะที่อุปทานหรือการผลิตถ่านหินเข้าสู่ตลาดยังคงตึงตัว รวมถึงการพัฒนาเหมืองถ่านหินใหม่ทำได้ยากขึ้น เนื่องจากปริมาณสำรองที่ความสมบูรณ์น้อยลง แนวโน้มคุณภาพค่าความร้อนถ่านหินลดลง และการเข้าถึงแหล่งถ่านหินทำได้ยากขึ้นจากที่ระยะทางขนส่งที่ไกลขึ้นรวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นได้ยากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มมากขึ้น เกิดความกดดันให้ระดับราคาถ่านหินทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป

     ในส่วนธุรกิจการผลิตและจำหน่ายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียของบริษัทย่อยนั้น ยังคงมุ่งเน้นกับผลิตภัณฑ์เกรดค่าความร้อนของถ่านหินที่ 3800 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม (GAR) และ 4600 กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม (GAR) โดยมุ่งเน้นเพื่อส่งออกไปตลาดประเทศอินเดียที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและยังคงอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการที่มีความผันผวนน้อยด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่นิ่ง สนับสนุนให้ด้านนโยบายเศรษฐกิจได้รับการวางรากฐานและพัฒนาเป็นอย่างดี

ลักษณะการประกอบธุรกิจถ่านหิน

ธุรกิจถ่านหินในประเทศ
     บริษัทฯ นำเข้าถ่านหินจากเหมืองร่วมทุนและจากแหล่งอื่นในประเทศอินโดนีเซียมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศไทย โดยขายแบบส่งตรงให้ลูกค้าและนำเข้ามาสต๊อกไว้ ณ ศูนย์จำหน่ายถ่านหินอยุธยาซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อจำหน่ายให้ลูกค้าอีกต่อหนึ่ง โดยศูนย์จำหน่ายถ่านหินอยุธยามีเนื้อที่ทั้งสิ้น 31 ไร่ 56.40 ตารางวาสามารถรองรับการนำเข้าถ่านหินมาสต๊อกได้ถึง 200,000 เมตริกตัน โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งตลาดถ่านหินในประเทศสำหรับปี 2566 ประมาณร้อยละ 7 ของปริมาณถ่านหินที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมโดยไม่รวมถ่านหินที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากเอกชนรายใหญ่ (IPP) และรายเล็ก (SPP) ซึ่งการใช้ถ่านหินในประเทศในปี 2566 ส่วนใหญ่จะใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตปูนซีเมนต์คิดเป็นร้อยละประมาณ 35 และใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและอุตสาหกรรมอื่นคิดเป็นร้อยละประมาณ 65 ทั้งนี้ไม่รวมการผลิตกระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (“ELECTRICITY GENERATING AUTHORITY OF THAILAND” หรือ “EGAT”) คาดว่าการใช้ถ่านหินซึ่งมีราคาต่อหน่วยของค่าความร้อนที่ต่ำกว่าน้ำมันและเชื้อเพลิงอื่นจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต


ธุรกิจถ่านหินในต่างประเทศ
     บริษัทฯ ได้เข้าไปร่วมลงทุนทำเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียมาเป็นเวลามากกว่า 22 ปีแล้ว โดยบริษัทฯ ได้นำเข้าถ่านหินจากเหมืองร่วมทุนในประเทศอินโดนีเซียมาจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศไทยและส่งไปจำหน่ายยังประเทศอื่นด้วยโดยเฉพาะตลาดในแถบภูมิภาคเอเชีย เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง เป็นต้น โดยถ่านหินที่บริษัทฯ ผลิตออกจำหน่ายมีคุณภาพและมี BRAND เป็นที่เชื่อถือของลูกค้าทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทหนึ่งที่มีชื่อเสียงเป็นที่น่าเชื่อถือในธุรกิจถ่านหินในภูมิภาคเอเชีย

     PT. LANNA HARITA INDONESIA (“LHI”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นทางตรงร้อยละ 55 ของทุนที่ชำระแล้ว ประกอบธุรกิจทำเหมืองถ่านหินที่อำเภอซามารินดา และอำเภอคูเตย จังหวัดกาลิมันตันตะวันออก โดยได้รับสัมปทาน (COAL CONTRACT OF WORK) จากรัฐบาลแห่งประเทศอินโดนีเซียเพื่อผลิตถ่านหินออกจำหน่ายมีกำหนดเวลา 30 ปี (เริ่มตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2574) โดยมีปริมาณสำรองถ่านหินคงเหลือไม่ต่ำกว่า 17 ล้านเมตริกตัน และมีกำลังการผลิตถ่านหินออกจำหน่ายปีละประมาณ 3.5 ล้านเมตริกตัน

     PT. SINGLURUS PRATAMA (“SGP”) เป็นบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในประเทศอินโดนีเซียโดยบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นทางตรงร้อยละ 65 ของทุนที่ชำระแล้ว ประกอบธุรกิจทำเหมืองถ่านหินที่อำเภอคูเตย จังหวัดกาลิมันตันตะวันออก โดยได้รับสัมปทาน (COAL CONTRACT OF WORK) จากรัฐบาลแห่งประเทศอินโดนีเซียเพื่อผลิตถ่านหินออกจำหน่ายมีกำหนดเวลา 30 ปี (เริ่มตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2582) โดยมีปริมาณสำรองถ่านหินคงเหลือไม่ต่ำกว่า 35 ล้านเมตริกตัน โดยได้ผลิตถ่านหินออกจำหน่ายจากปี 2566 ที่ประมาณ 5 ล้านเมตริกตัน SGP อยู่ระหว่างดำเนินการพัฒนาถ่านหินแหล่งใหม่ในพื้นที่สัมปทานเหมืองถ่านหินของ SGP คือแหล่ง MARGOMULYO BLOCK (“MG”) เริ่มผลิตและจำหน่ายถ่านหินจากแหล่ง MG ภายในไตรมาสที่ 2/2567 ที่ประมาณ 0.5 ล้านเมตริกตันก่อนที่จะเพิ่มเป็น 1-1.5 ล้านเมตริกตันในปีต่อๆไป ซึ่งถ่านหินที่ผลิตจากแหล่ง MG จะใช้ท่าเทียบเรือ (PORT AND JETTY) ของแหล่ง ARGOSARI BLOCK (“AG”) ที่ผลิตและจำหน่ายถ่านหินอยู่ในปัจจุบัน โดย SGP ได้ดำเนินการเพิ่มกำลังการผลิตโดยก่อสร้างโรงแต่งแร่ที่ 2 และปรับปรุงพื้นที่กองเก็บถ่านหินบริเวณท่าเทียบเรือให้สามารถกองเก็บถ่านหินได้ถึง 200,000 เมตริกตันเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างปรับปรุงท่าเทียบเรือและเพิ่มสายพานลำเลียงถ่านหินอีกหนึ่งชุดยาวประมาณ 1.70 กิโลเมตรทอดลงไปที่ท่าเทียบเรือในทะเล เพื่อรองรับการผลิตและจำหน่ายถ่านหินจากแหล่ง AG และ MG ดังกล่าว โดยวางแผนผลิตและจำหน่ายถ่านหินประมาณ 3 และ 1.5 ล้านเมตริกตันต่อปีตามลำดับ รวมทั้งสิ้นประมาณ 4.5 ล้านเมตริกตันต่อปี ซึ่งเป็นถ่านหินคุณภาพดีที่มีค่าความร้อนสูงและปริมาณ SULPHUR ต่ำซึ่งคาดว่าจะทำตลาดได้ง่ายและมีอัตรากำไรที่ดี

     PT. PESONA KHATULISTIWA NUSANTARA (“PKN”) เป็นบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในประเทศอินโดนีเซียโดยบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นทางตรงร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ประกอบธุรกิจทำเหมืองถ่านหินที่เมืองบูลุงงัน จังหวัดกาลิมันตันเหนือ โดยได้รับสัมปทาน (COAL CONTRACT OF WORK) จากรัฐบาลแห่งประเทศอินโดนีเซียเพื่อผลิตถ่านหินออกจำหน่ายมีกำหนดเวลา 30 ปี (เริ่มตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2582) โดยมีปริมาณสำรองถ่านหินคงเหลือไม่ต่ำกว่า 25 ล้านเมตริกตัน และมีกำลังการผลิตถ่านหินออกจำหน่ายในปี 2566 ที่ประมาณ 5.8 ล้านเมตริกตัน และได้วางแผนผลิตถ่านหินออกจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 6.0 ล้านเมตริกตันในปี 2567

   

     UNITED BULK SHIPPING PTE. LTD. (“UBS”) เป็นบริษัทร่วมที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ โดยบริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นทางตรงร้อยละ 49 ของทุนที่ชำระแล้ว ประกอบธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลและซื้อขายถ่านหิน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนและบริหารการขนส่งถ่านหินที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยและหรือส่งไปจำหน่ายยังประเทศอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีต้นทุนการขนส่งที่ต่ำ

   

Scroll to Top